CytoCare (ไซโตแคร์) ที่สุดของอาหารผิว
CytoCare หรือที่เรารู้จักกันว่า Skin Booster มันคือสารอะไรกันแน่ ??? แล้วดียังไง??? วันนี้มาดูกันครับ
ส่วนประกอบหลักๆ ของ CYTOCARE (ไซโตแคร์)
ประกอบด้วย
- กรดไฮยาลูโรนิก และมีอาหารผิวมากมายกว่า 53 ชนิด ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ
กรด Free Hyaluronic acid (Bio Revitalisation) มากถึง 32 mg ต่อ 1 Vial - กรดอะมิโน เปปไทด์
- วิตามินนานาชนิด
- Co Q10
- กรดนิวคลิอิก
- สารต้านอนุมูลอิสระ
- แร่ธาตุที่จำเป็นต่อ Cell ผิว
รูปแสดงสารอาหารผิวใน cytocare
CYTOCARE ช่วยเรื่องอะไร
ด้วยส่วนประกอบที่มีประโยชน์มากมาย คุณสมบัติของมันจึงช่วยรักษาสมดุลผิวทางชีวภาพ คืนความชุ่มชื้นให้ผิว รวมไปถึงป้องกันการเกิดออกซิเดชั่น ช่วยลดการเสื่อมสภาพในระดับโมเลกุลของผิว เสมือนการเกิดใหม่ของ ASC stemcell ที่ผิว และปรับโครงสร้างผิวใหม่ สรุปเป็นข้อๆ ให้เข้าใจง่ายนะครับ
- กระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เหมือนผิวเด็กกรดอะมิโนเป็นตัวสร้างการสังเคราะห์โครงสร้างโปรตีนภายในเซลล์ที่มีอยู่รวมถึงการสร้างเซลล์ใหม่
- ฟื้นฟูผิวที่ขาดน้ำ หมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ริ้วรอยแห่งวัยให้เปล่งปลั่ง กระชับ เรียบเนียน
- สร้างคอลลาเจน เร่งผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ปกป้องผิวจากแสงแดด , ฝุ่นควัน, ฯลฯ
- ป้องกันการเกิดออกซิเดชั่น ทำให้ผิวไม่เสื่อมก่อนวัยอันควร
- วิตามินและเกลืออนินทรีย์ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของจุลภาคการหายใจด้วยเซลล์และการแลกเปลี่ยนสารอาหาร
- DMAE ช่วยกระตุ้นการทำงานของ fibroblast และ myofibroblasts ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ใหม่
- ยับยั้ง phosphodiesterase ช่วยให้ผล lipolytic ของผลิตภัณฑ์จำนวนมาก
CYTOCARE ปลอดภัยแค่ไหน
ไซโตแคร์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารผิวที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ประกอบด้วยสารที่ธรรมชาติที่โดยปกติแล้วร่างกายเราสร้างขึ้นเองได้ทั้งสิ้น และยังเป็นทรีทต์เม้นต์ที่ผ่านการรับรอง และทดสอบประสิทธิภาพทางการแพทย์ของฝรั่งเศส (Laboratory of skin subsititutes – Department of plastic surgery civil hospices of Lyon – Hospital complex Edouard Herriot, France) ปลอดภัย 100% ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ใดๆ รวมทั้งได้รับการรับรองมาตรฐานจากยุโรป CE , ISO 13485 เพราะฉะนั้นเรามั่นใจในเรื่องความปลอดภัยได้ครับ
เหมาะกับใคร และไม่เหมาะกับใครบ้าง
Cytocare เหมาะกับผู้ที่ผิวแห้ง ไม่สดใส มีปัญหาริ้วรอยบางๆ ครับ
และไม่เหมาะกับ บุคคลที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือบุคคลที่แพ้กรดไฮยาลูโรนิคครับ
ทำบริเวณไหนได้บ้าง
สามารถทำทรีทเม้นต์ ได้แทบทุกจุดที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื่นครับ
สำหรับผิวโดยรวม – เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน ผิวสว่างใส ดูมีออร่า
หน้าผาก – ช่วยลดริ้วรอยเส้น บางๆ บริเวณหน้าผาก ทำให้ผิวเรียบเนียน
รอบดวงตา – ลดรอยคล้ำใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตา
รอยหลุมสิว – ทำให้หลุมสิวดูตื้น เรียบเนียนขึ้น
รอบริมฝีปาก – ทำให้ริ้วรอยเล็กๆ บริเวณริมฝีปากลดเลือนลง
คอและเนินอก – ลดริ้วรอย ทำให้ผิวดูกระชับ เรียบเนียนขึ้น
หลังมือ – ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวเรียบเนียน และกระชับ
ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล
โปรโตคอลที่แนะนำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือ 4 ครั้งโดยใช้ช่วงเวลา 2-3 เดือน จากนั้นจึงบำรุงรักษาผลลัพธ์ตามระยะเวลา 1 ครั้งทุกๆ 3 เดือน ซึ่งโปรโตคอลสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามอายุของผิว และปัญหาของผิวครับ
แต่โดยปกติแล้ว หลังทำ 2-3 วัน จะรู้สึกครับว่าผิวดูชุ่มชื่นขึ้น มีสุขภาพดีที่สุด แต่งหน้าง่ายขึ้น หน้าไม่มัน และเมื่อทำครบเซสชั่น ว่าเห็นผลได้นานถึง 2 เดือนครับ
ผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องของผลิตภัณฑ์นี้มีอะไรบ้าง?
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้เช่นเดียวกับการฉีดทั่วๆ ไปครับ มากที่สุดอาจมีอาการบวมแดงและอาการบวมเล็กน้อยที่บริเวณที่ฉีดยา 2-3 วัน ครับ
ทำไมทำแล้วไม่เห็นผล
หลายท่านเคยถามหมอว่าทำไมทำแล้วยังรู้สึกไม่แตกต่าง คงต้องถามกลับครับ ว่าทำครบ session หรือเปล่า แล้วทำครบ 2 เดือนแล้วยังครับ เพราะกระบวนการสร้างคอลลาเจน จะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนครับ
อีกปัจจัยที่ค่อนข้างมีผล คือเทคนิคการฉีดของคุณหมอครับ เพราะปกติถ้าไม่เน้นปัญหาแต่ละจุด คุณหมออาจจะฉีดพรมทั้วหน้า แต่ปกติแล้วในแต่ละจุดก็จะมีเทคนิคแตกต่างกันครับ อย่างที่หมอฉีดจะเลือกดูว่าบริเวณไหน ควรใช้เทคนิคไหน อย่างแถวหางตา เราจะต้องฉีดเป็น Fan injection หน้าผากจะฉีด Retrotracing ส่วนมุมปากควรเป็ฯ cross hatching และแก้มหมอจะดูปัญหาว่าควรเป็นแบบ point by point หรือ Nappage ครับ
ภาพแสดงผิวก่อนและหลังการฉีด Cytocare